-:- มวลสารทรายเงินทรายทอง -:-
ทรายเงินทรายทองเป็นมวลสารที่พบเห็นได้ยากมาก เพราะมีขนาดเล็กจนกล้องส่องพระที่มีกำลังขยาย 10-20x ไม่สามารถมองเห็นได้ ปกติมวลสารทรายเงินทรายทองนี้จะปรากฏให้เห็นได้ต้องมีแสงแดดตกกระทบในมุมที่สะท้อนเข้าตาพอดีเท่านั้นถึงจะเห็น และเมื่อพบแล้ว จะใช้กล้องส่องพระธรรมดาไปส่องหา ก็จะหาไม่เจออีก ผู้รู้ส่วนใหญ่จะทราบว่าถ้าจะส่องหาทรายเงินทรายทองควรจะเป็นช่วงเวลา 9.00-11.00 น. เพราะแดดในช่วงนี้ทำมุมตกกระทบที่เหมาะสม
ตัวอย่างในภาพนี้เป็นการใช้กล้องขยายไมโครสโคปที่มีกำลังขยาย 1000x
“มูลกรณีทรายเงินทรายทอง”
ท่านอาจารย์ตรียมปวาย ได้เขียนอธิบายไว้ในหน้าที่ ๔๐๔ ว่า
เป็นอิทธิวัสดุซึ่งได้กล่าวไว้แล้วในมูลกรณีของเนื้อ ทั้งนี้คตินิยมของการสร้างพระศักรพุทธปฏิมาสืบเนื่องมาจากโบราณไม่ว่าจะเป็นพระเนื้อโลหะหรืออโลหะก็ตาม มักจะเจือด้วยธาตุทองคำและเงินบริสุทธิ์เสมอ โดยถือว่าเป็นสินแร่ตระกูลสูงกว่าสามัญโลหะทั้งหลาย มีความศักดิ์สิทธิ์อิทธิพลโดยธรรมชาติที่เรียกว่า “ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้” นำมารีดเป็นแผ่นแล้วประสิทธิ์ด้วยพระยันต์ ๑๐๘ และนะปถมัง ๑๘ เป็นต้น แล้วจึงตะไบออกเป็นเกล็ดเป็นผง เจือผสมลงในมวลสารของเนื้อเป็นอิทธิวัสดุ
นอกจากนี้หน้าที่ ๔๐๓ เขียนถึง “ทรายเงินทรายทอง” ไว้ว่า
ทรายเงินทรายทอง คือ ผงตะใบจากแผ่นเงินแผ่นทองลงคุณพระ มีลักษณะเป็นผงที่ละเอียดมาก และเป็นมวลสารที่ปรากฏตัวน้อยที่สุด สังเกตเห็นได้เพียงบางองค์เท่านั้น สำหรับองค์ที่ปรากฏก็มีเพียงเกล็ดสองเกล็ดเท่านั้นเป็นอย่างมาก เพราะอาจจะจมอยู่ในเนื้อลึก หรือมิเช่นนั้นก็เป็นส่วนที่ใช้เจือผสมเนื้อเพียงเล็กน้อยมาแต่เดิม และที่ปรากฏมีของวัดระฆังเป็นส่วนมาก สำหรับบางขุนพรหมปรากฏน้อยมาก
สมเด็จวัดระฆัง ซึ่งมีแร่ทองบางสะพานฝังอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้น จัดเป็นพระสมเด็จที่ว่ากันว่าหายากมาก เข้าใจว่ามีการจัดสร้างจำนวนน้อยมากๆ นับจากเวลาการสร้างพระสมเด็จเกือบสองทศวรรษแล้ว ถ้าจะเหลือคงเหลืออยู่ในความครอบครองของผู้สืบสกุลจากบรรดาเจ้านายชั้นสูงในสมัยก่อนเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น